อาหารคีโต ประโยชน์และข้อควรระวัง

อาหารคีโต (Ketogenic Diet) คีโตคืออะไร เราจะขออธิบายคร่าวให้เข้าใจกันง่าย คีโตคือ รูปแบบการกินที่เน้นไปกินไขมันสูง โปรตีนปานกลาง และคาร์โบไฮเดรตต่ำ ช่วยให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะคีโตซิส (Ketosis) ซึ่งเป็นสภาวะที่ร่างกายใช้ไขมันเป็นแหล่งพลังงานหลักแทนน้ำตาล และประโยชน์ของการ กินคีโต ช่วยลดน้ำหนัก ลดระดับน้ำตาลในเลือด เพิ่มการเผาผลาญไขมัน ลดความเสี่ยงโรคต่างๆ เช่น โรคเบาหมา โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคอัลไซเมอร์ การกิน คีโต มีข้อควรระวังเช่นกัน อาหารคีโต อาจจะทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ เช่น ปวดหัว คลื่นไส้ อ่อนเพลีย ท้องผูกเป็นต้น อาหารคีโต จึงอาจจะไม่เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะกับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเช่น โรคไต โรคตับ โรคหัว และเบาหวาน

อาหารคีโตมีอะไรบ้าง เราขอแนะนำ อาหารคีโต ที่สามารถทำกินเองได้ หรือหาซื้อได้ง่าย

อาหารเช้า

• ไข่ดาว เบคอน อโวคาโด
• อกไก่ต้ม ผักสลัด
• สลัดทูน่า
• โยเกิร์ต โรยหน้าด้วยถั่วอัลมอนด์
• ฟรุตสลัด

อาหารกลางวัน

• สเต็กเนื้อ ผักย่าง
• ปลาแซลมอนย่าง ผักต้ม
• แกงเขียวหวานไก่ ผักใบเขียว
• ผัดผักรวมมิตร
• ข้าวโพดคั่ว Keto

อาหารเย็น

• หมูสามชั้นผัดกระเพรา
• ไก่ย่างน้ำจิ้มแจ่ว
• ต้มยำกุ้ง Keto
• แกงเขียวหวานไก่คีโต
• สปาเก็ตตี้คีโต

อาหารว่าง

• ถั่วอัลมอนด์
• ถั่วลิสง
• ถั่วพีแคน
• อัลมอนด์คั่ว
• เมล็ดทานตะวัน
• เมล็ดฟังทอง
• เนยถั่ว
• โยเกิร์ตไขมันเต็ม
• ชีส
• ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่

เครื่องดื่ม

• น้ำเปล่า
• กาแฟดำ
• ชาดำ
• ชาเขียว
• น้ำส้ม

• ใช้วัตถุดิบที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ ปลา ผักใบเขียว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ไขมันจากธรรมชาติ
• ปรุงรสอาหารด้วยเครื่องปรุงคีโต เช่น น้ำปลาคีโต สารให้ความหวานอื่นๆ
• หลีกเลี่ยงอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง เช่น ข้าว แป้ง น้ำตาล ขนมปัง เส้นพาสต้า ผลไม้บางชนิด
• ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนการกินเป็นอาหารคีโต ในช่วงแรกอาจมีอาการไม่พึงประสงค์ เช่น ปวดหัว คลื่นไส้ อ่อนเพลีย ท้องผูก เป็นต้น

กินคีโต มีข้อห้ามที่สำคัญอยู่ นั้นก็คือ ห้ามกินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง เมนูอาหารคีโต จึงไม่เหมาะกับคนที่มีโรคประจำตัวต่างๆ อาหารคีโตนั้นอาจจะมีประโยชน์กับผู้ป่วยบางกลุ่มเท่านั้น เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน โรคหัวใจ โรคมะเร็ง ผู้ป่วยอัลไซเมอร์ แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะเริ่มกินคีโต และคีโตยังเป็นทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก โดยจะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น

ขอบคุณภาพจาก Freepik